’นวัตกรรม“ คือ สิ่งที่ทำขึ้นใหม่หรือแปลกจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมทางความคิด กระบวนวิธีการผลิต หรือชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งต่างก็ถูกคิดค้นขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ เช่นเดียวกับนวัตกรรมการผลิต “เครื่องสไลด์เผือก” และ “อิฐดินดิบ” ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) พระนคร ที่ได้รับเลือกจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นำไปจัดแสดงภายในงานบีโอไอแฟร์ โซนมหาวิทยาลัย ณ ฮอลล์ 9 ศูนย์การแสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี
นายสุนทร คำพินิจ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีการผลิตเครื่องมือและแม่พิมพ์ มทร.พระนคร เจ้าของชิ้นงาน ’เครื่องสไลด์เผือก“ บอกว่า จากพันธกิจหลักของมหาวิทยาลัยในการนำวิชาการมาปรับให้ใช้ประโยชน์ได้จริงในวิถีชีวิตของชุมชน ทาง มทร.พระนคร จึงได้ลงพื้นที่นำวิชาการไปใช้กับกลุ่มแปรรูปเผือกหอม อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ที่ประสบกับปัญหาการฝานเผือกที่ทำได้ยากและได้ชิ้นเผือกไม่มีความสม่ำเสมอ
“หลังทราบปัญหาเราก็ช่วยคิดและออกแบบเครื่องมือ จนกลายมาเป็นเครื่องต้นแบบ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 35,000 บาท แต่มีคุณสมบัติไม่แตกต่างจากเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่กลุ่มเป้าหมายของเราคือ แม่บ้าน อุตสาหกรรมในครัวเรือน และชุมชนที่รวมตัวกันทำอุตสาหกรรมขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ส่วนปริมาณของชิ้นเผือกที่ฝานได้จะอยู่ที่ประมาณ 100-200 แผ่นต่อนาที ซึ่งเปรียบเทียบกับการใช้กำลังคนแล้ว เครื่องสามารถทำได้เร็วกว่า 2-3 เท่าตัว
เครื่องสไลด์เผือกตัวนี้ ยังสามารถใช้ได้กับพืชผักผลไม้ที่มีลักษณะเป็นหัวและเนื้อแข็ง ทั้งเผือก มัน ฟักทอง แครอท กล้วยดิบ หรือทุเรียนดิบ เป็นต้น โดยขนาดของวัตถุดิบที่สไลด์ได้จะอยู่ที่ 0.4–1.7 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ สำหรับวัสดุที่นำมาประกอบเครื่องจักรก็มีความปลอดภัยไม่เป็นสนิมจึงเหมาะสำหรับงานอาหาร ส่วนการใช้งาน และบำรุงรักษาก็ง่ายไม่มีความซับซ้อน เพียงคอยตรวจดูใบมีดให้มีความคมและดูแลมอเตอร์ให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้เท่านั้น ส่วนผลลัพธ์ที่ได้นอกจากจะไม่สิ้นเปลืองกำลังคนแล้ว เผือกที่สไลด์ออกมายังสวยงาม สม่ำเสมอ” นายสุนทร กล่าว
อีกชิ้นหนึ่งเป็นนวัตกรรมการหยิบจับธรรมชาติมาสร้างมูลค่าเพิ่ม นายนิโรจน์ เงินพรหม หัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร.พระนคร เจ้าของผลงาน ’การศึกษาสีผิวอิฐดินดิบลูกรังด้วยวัสดุธรรมชาติ“ หรือการนำเอา “ดินลูกรัง” ที่หลายคนมองว่าไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ มาผสมกับน้ำและปูนซีเมนต์ในอัตราส่วนพอเหมาะ แล้วใช้สีธรรมชาติเคลือบผิวอิฐดินดิบลูกรัง 2 ชนิด คือ สีจากครั่ง และสีครามจากต้นม่อห้อม เพื่อพัฒนาอิฐดินดิบให้มีสีสันสวยงามมากขึ้น
“ภายใต้การคำนวณสูตรที่เป็นมาตรฐาน อิฐดินดิบแต่ละก้อนจะสามารถรองรับน้ำหนักได้เกินกว่า 20 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร หมายความว่าคุณสามารถนำไปสร้างบ้านได้ ดังนั้นองค์ความรู้ตรงนี้จึงมีขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านที่อยากสร้างบ้านแต่ไม่มีเงินเพียงพอที่จะซื้อหาวัสดุก่อสร้างราคาแพงได้นำไปใช้ เพราะทุกอย่างแทบจะไม่ต้องเสียเงินซื้อหาเลย โดยเฉพาะดินลูกรังเป็นทรัพยากรที่พบได้ทั่วไป ขณะเดียวกันในอนาคตเรายังจะพัฒนาวิธีการเพื่อให้ได้อิฐดินดิบที่มีสีสันสวยงามในราคาที่ไม่แพงไปกว่าเดิมด้วย”
สำหรับคุณประโยชน์ของนวัตกรรมชิ้นนี้ นอกจากความประหยัดแล้ว ยังนับเป็นการบริหารสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติอย่างสมดุล ลดปัญหาขยะอุตสาหกรรมและมลพิษ เนื่องจากวัสดุก่อสร้างทั่วไปต้องผ่านกระบวนการมากมายหลายขั้นตอน
สำหรับผู้สนใจชิ้นงาน หรือต้องการองค์ความรู้สำหรับนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อนำไปพัฒนาหรือใช้แก้ปัญหาให้กับชุมชนท้องถิ่น สามารถติดต่อได้ที่ สถาบันวิจัยและพัฒนา มทร.พระนคร เลขที่ 399 ถนนสามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทรศัพท์ 0-2282-9009-15 ต่อ 6093, 6094 หรือ www.ird.rmutp.ac.th
Sunday, January 15, 2012
นวัตกรรมเพื่อชุมชน - อินไซด์แคมปัส


0 comments:
Post a Comment