Sunday, January 15, 2012

อ่านละครมือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 2 วันที่ 16 ม.ค.55

อ่านละครมือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 2
วันนี้ สุขสันต์ไปหาเส่ียอธิปถึงคฤหาสน์ ยังความงุนงงแก่เสี่ยมาก หลังจากนั้นก็พากันไปดูโรงงานทําลูกอมที่กําลังผลิตอยู่ นับแต่ขั้นตอนแรกจนถึงบรรจุใส่ห่อติดโลโก้ “สวีทปอล์”

จตุพลกําลังตําหนิน้อมพงษ์เรื่องทํางานสําคัญพลาดไปสองงาน คืองานเก็บอากู๋และงานเก็บกริสน์ น้อมพงษ์ขอแก้ตัวบอกว่าครั้งต่อไปจะลงไปคุมเองจะได้รับประกัน

ไม่ให้เกิดความผิดพลาด

ขณะนั้นเอง ลูกน้องมารายงานจตุพลว่าเสี่ยอธิปกับ ส.ส.สุขสันต์กําลังเดินมา ทั้งสองจึงหลบแอบดูแอบฟัง

ได้ยินเสี่ยบอกสุขสันต์ว่า ตนเคยบอกแล้วว่าลูกโตเมื่อไรตนก็จะเลิกทุกอย่าง ตนยอมเสียทุกอย่างในชีวิตดีกว่าเสียลูกคนนี้ไป

สุขสันต์ติงว่าลูกสาวโตก็ไม่น่าจะต้องเลิก เราเริ่มมาด้วยกัน ไม่เสียดายโอกาสเงินโอกาสทองและมิตรภาพของเราหรือ เสี่ยพูดอย่างลําบากใจว่าอย่ามาบังคับใจตนเลย ตัวสุขสันต์เองก็มีพร้อมทุกอย่างอยู่แล้ว ทั้งเงินทอง บริวาร บารมี ถ้าไม่ไว้ใจใครก็ทําเองได้


สุขสันต์ยืนยันว่าอยากทําธุรกิจกับเสี่ย ต่อรองว่าจะแบ่งผลประโยชน์ส่วนของตนให้เสี่ยอีกสิบเปอร์เซ็นต์ บอกให้ เสี่ยเอาไปคิดก่อน พูดแล้วหัวเราะ พูดเหมือนขู่ในทีอีกว่า

“เสี่ยรู้ใช่ไหม ว่าคนที่รู้เบื้องหลังเบื้องลึกของผมมากๆ แล้วไม่ทํางานให้ผม มันก็จะไม่มีวันไปทํางานให้ใครอื่นอีก แล้วเสี่ยคิดว่าจะมีชีวิตอย่างปกติเหรอ...ฮ่าๆๆ เป็นไปไม่ได้หรอกเสี่ย”

คําขู่ของสุขสันต์ทําให้อธิปนิ่งไป แต่จตุพลกับน้อม–พงษ์มองหน้ากันขวับ จตุพลตาวาวคิดได้ทันทีว่าตนจะทําอะไร?

จตุพลกับน้อมพงษ์รีบตามสุขสันต์ที่เดินกลับไปที่รถอย่างฉุนเฉียว น้อมพงษ์แนะนําจตุพลว่าเป็นหลานของอธิป ส่วนตนเป็นผู้จัดการโรงงานนี้ ฉัตรชัยคนสนิทของสุขสันต์ถามว่ามีอะไรหรือ

จตุพลเสนอว่า สุขสันต์ถ้าอากู๋ไม่อยากทําธุรกิจกับเขาตนขอทําเอง พูดให้สุขสันต์รู้ถึงความคิดของตนว่า

“ท่านรู้สึกยังไงกับอากู๋ ขอให้รู้ว่าผมรู้สึกมากกว่าท่านร้อยเท่า และในอนาคตอันใกล้นี้ ทรัพย์สมบัติทุกอย่างของอากู๋จะต้องเป็นของผม ไม่ว่าอากู๋จะยกให้หรือไม่ยกให้ก็ตาม ถึงตอนนั้นแล้วท่านก็ต้องคุยกับผมอยู่ดี”

สุขสันต์บอกว่าตนเสียดายอธิปมากไม่อยากให้เขาด่วนจากไปเร็วกว่าวัยอันควร พูดแล้วถามจตุพลว่าเข้าใจความหมายของตนใช่ไหม ถ้าเข้าใจ เราก็อาจจะมีอนาคตร่วมกัน

“ผมเข้าใจ...ท่านอยากให้ผมพิสูจน์อะไรไหมล่ะครับ บอกมาได้เลย” จตุพลแววตากร้าวอย่างท้าทาย สุขสันต์มองยิ้มๆอย่างพอใจ

ooooooo

สุขสันต์ดำเนินงานอย่างรอบด้าน วันนี้เขาโทร.ไปที่ร้านดอกไม้ถามพิมมาดาว่าตนขออนุญาตมาดื่มชาที่บ้านได้ไหม พิมมาดาตอบรับด้วยความแปลกใจ

แต่เพื่อความเรียบร้อย พิมมาดาเรียกสามตัวแสบมาดื่มนมแล้วก็อบรม และตั้งกฎเหล็กว่า

“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม ต้องขออนุญาตน้าก่อนเสมอ” เด็กทั้งสามพูดตามเหมือน

คำปฏิญาณ พิมมาดาพูดต่อว่า “อะไรที่น้าห้ามก็คือห้าม อะไรไม่อนุญาตก็คือไม่อนุญาต” เด็กทั้งสามพูดตามอีก เลยถูกดุว่าหยุดล้อเลียนได้แล้ว ถามว่าที่พูดมานี่เข้าใจไหม ทั้งสามเงียบ พอถูกถามย้ำจึงตอบว่า เข้าใจ

พิมมาดาบอกเด็กๆว่า เดี๋ยวสุขสันต์จะมา เด็กๆต้องทำตัวดีๆ โดยเฉพาะจีจ้า ควรหาโอกาสขอบคุณสุขสันต์ เพราะเมื่อวานท่านมีน้ำใจจะช่วยเป็นธุระเรื่องตามตัวจีจ้าอย่างน่าประทับใจ ที่สุด

อบรมเสร็จให้ดื่มนมแล้วไปอาบน้ำแต่งชุดที่สะอาดเรียบร้อยก่อนที่ท่านจะมา ถามว่า “ได้ยินที่น้าสั่งไหม”

“ได้ยินคร้าบ...ค่ะ...” สามเสียงตอบพร้อมกัน ส่วนป๊อบคอร์นก็เห่าเบาๆ อย่างจำใจรับรู้กับเขาด้วย

ooooooo

เมื่อสุขสันต์มาถึง เห็นเด็กๆแต่งตัว ทำตัวเรียบร้อยมากก็ชมว่าน่ารัก พิมมาดาพยายามเป็นตัวเชื่อมสร้างความรู้สึกดีๆให้กับสุขสันต์ พวกเด็กๆพากันร้องเพลงพร้อมกับเต้นไปตามจังหวะ ทุกคนร้องและเต้นเหมือนตุ๊กตาไขลาน ไม่มีชีวิตจิตใจเลยดูฝืนทำกันจนพิมมาดาบอกให้พอ แล้วพูดกลบเกลื่อนว่าเด็กๆ ทำตลกอยากให้เขาขำๆเท่านั้น
แต่ พอผู้ใหญ่เริ่มคุยกัน พวกเด็กๆนั่งกันเรียบร้อยมาก แต่ใครจะขยับทำอะไรก็ยกมือขออนุญาต แม้แต่จะหายใจเข้า หายใจออกก็ขอ จนพิมมาดาแอบถลึงตาใส่ กัดฟันชมว่า

“ดีมาก...ทุกคนไปได้แล้ว”

พวกเด็กๆลุกไป แต่แอบขยิบตากันขำๆ แม้พิมมาดา

จะเห็นแต่ก็จำต้องปั้นยิ้มกลบเกลื่อน

จนเมื่อสุขสันต์จะกลับ ก็พบว่ารถตนกระจกแตก

พิมมาดามาดู ฉัตรชัยบอกว่าตนเห็นโจ๊กมาด้อมๆมองๆ พอมาดูอีกทีสภาพก็เป็นอย่างที่เห็น พิมมาดาโกรธมาก บอกว่าทำถึงขนาดนี้เห็นทีต้องลงโทษกันแล้ว

ความชิงชังเด็กๆ ที่รุมแกล้งตนและกีดกันตนกับ

พิมมาดา ทำให้สุขสันต์หาทางกำจัดเสี้ยนหนามนี้ออกไป ทำทีแสดงความเป็นห่วงนิสัยของพวกเด็กๆ พูดจนพิมมาดาหนักใจ แล้วจึงเสนอให้ส่งไปเข้าโรงเรียนประจำที่อินเดียเพื่อแก้ไขพฤติกรรมนี้

“อินเดีย หมายความว่า พิมต้องส่งหลานๆไปอินเดียเหรอคะ”

“ผมรู้ว่ามันยาก แต่คุณพิมก็ต้องยอม เพื่ออนาคตของหลานๆคุณนะครับ แล้วผมจะส่งโปรไฟล์โรงเรียนมาให้ คุณจะได้ลองไปพิจารณา” สุขสันต์พูดอย่างหวังดีจริงๆ แต่พิมมาดาฟังแล้วอึ้ง...

ooooooo

กริสน์หาหลักฐานมาพิสูจน์จนภัทรดนัยเชื่อว่า วันนั้นสุขสันต์ไปหาเสี่ยอธิปจริงๆ ถามกันว่าถ้าอย่างนี้แล้วจะทำอย่างไร เราถึงจะเข้าถึงตัวสุขสันต์ได้ ภัทรดนัยเสนอว่าให้กริสน์ปลอมไปฝังตัวเป็นสมุนสุขสันต์สักปีสองปี กริสน์บอกว่าตนเบื่อวิธีนี้แล้ว

ทั้งสองช่วยกันคิดหาวิธี แล้วภัทรดนัยก็คิดออกเมื่อดูเทปกล้องวงจรปิดในโรงแรมเห็นพิมมาดาคุยกับสุข สันต์อย่างเป็นกันเอง กริสน์เชื่อว่าสุขสันต์จีบพิมมาดาแน่ๆ

และต่อมาเห็นอีกว่าสุขสันต์ขับรถออกจากบ้าน

พิมมาดา ภัทรดนัยเสนอแผนการทันทีว่า

ข้อแรก ให้นั่งรอคอยดูลาดเลาต่อไป หรือสอง บุกเข้าไปจับตัวขู่เอาความจริงมาให้ได้ แต่ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้

ooooooo

ฟังแนวคิดจากสุขสันต์แล้ว พิมมาดาบอกพวกเด็กๆว่า จะส่งไปอยู่โรงเรียนดัดนิสัยที่อินเดีย ถูกพวกเด็กต่อต้านสุดฤทธิ์จนพิมมาดาโมโหลุกเดินออกไป พวกเด็กๆพากันหน้าจ๋อยมองกันตาปริบๆ

ภัทรดนัยกับกริสน์ยังคิดกันไม่ลงตัวว่าจะทำอย่างไรดี

พลันก็เห็นพวกเด็กๆ พากันวิ่งร้องไห้ออกมา จีจ้าเห็นกริสน์ก็วิ่งเข้าหา เล่าเรื่องที่พิมมาดาจะส่งพวกตนไปดัดนิสัยที่โรงเรียนกินนอนในอินเดีย ฟ้องว่าเพราะนายสุขสันต์เกลียดพวกตนเลยยุให้น้าพิมทำแบบนั้น เพื่อพวกตนจะได้ไปไกลๆ จากน้าพิม

พวกเด็กๆพากันต่อต้านสุขสันต์ แจ๊สบอกว่าน้าพิม

อยากแต่งงาน โจ๊กบอกว่าแต่ถ้าแต่งกับนายสุขสันต์ตนจะไม่เข้าบ้านไปหาน้าพิมอีกเลย

ฟังพวกเด็กๆ แล้วภัทรดนัยฉุกคิดได้ว่า พิมมาดาเลี้ยงเด็กไม่เป็นแต่อยากดัดนิสัยเด็ก แบบนี้เราก็จัดให้เสียเลยไม่ดีหรือ เสนอให้กริสน์ไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กเลยดีไหม ระหว่างนั้นก็คอยตามสืบเรื่องสุขสันต์ไปด้วย

กริสน์โวยวายว่าให้น้ำท่วมหลังเป็ดเสียก่อนตนถึงจะยอมเลี้ยงเด็ก แต่ในที่สุดก็จำนนด้วยเหตุผลของภัทรดนัย และความน่ารักของพวกเด็กๆ

ooooooo

พวกเด็กๆกลับเข้าไปในบ้านพร้อมความหวัง บอกน้าพิมของพวกเขาว่า น้าพิมสอนพวกตนไม่ได้ก็เท่ากับเป็นผู้หญิงที่ล้มเหลวทางการเลี้ยงเด็ก พิมมาดาตัดสินใจว่าถ้าอย่างนั้นจะส่งทั้งสามคนไปอินเดีย

“เราไม่ไปอินเดีย และเราก็ไม่เชื่อฟังน้าพิม แต่เราพาคนที่จะอบรมสั่งสอนพวกเรามาเอง” โจ๊กเสนอ

สิ้นเสียง กริสน์ก็เดินเข้ามาอย่างมั่นใจ พอเห็นหน้าเขาเท่านั้น พิมมาดาถึงกับร้อง “นายอีกแล้วเหรอ?!?”

พิมมาดาไล่กริสน์ออกไปอย่ามายุ่งกับหลานตน พวกเด็กๆพากันปกป้องกริสน์ถึงกับบอกว่า ถ้าไล่กริสน์ออกไปพวกตนก็จะไปด้วย

เมื่อพูดอย่างไรพิมมาดาก็ไม่ยอม จีจ้าเกิดหืดหอบกำเริบ ลงไปนอนดิ้นกับพื้น พิมมาดาตกใจจะเอายาพ่นให้

จีจ้าไม่ยอมพ่นถ้าน้าพิมไม่ให้กริสน์มาเป็นพี่เลี้ยง จนอาการหนักจีจ้าก็ยังไม่ยอมพ่นยา

“เอายามา ผมพ่นเอง” กริสน์รับยาจากพิมมาดา จัดแจงพ่นยาให้จีจ้า หนูน้อยก็อ้าปากให้พ่นยาแต่โดยดี ทั้งยังแอบยิ้มให้กริสน์อย่างสมใจด้วย

เมื่ออาการของจีจ้าดีขึ้น พิมมาดาบอกหลานๆว่า

“น้าจะยอมรับนายนี่ก็ต่อเมื่อ...น้ามั่นใจว่า ตาคนนี้มีประวัติที่ดี ไม่มีเอี่ยวในคดีอาชญากรรมใดๆ หรือแม้แต่คดีเล็กคดีน้อยก็ไม่ได้!! ถ้ามีมลทินแม้แต่นิดเดียว น้าถือว่าหมอนี่ไม่มีคุณสมบัติ”

“ลูกพี่กริสน์ต้องมีประวัติดีอยู่แล้ว ก็ลูกพี่เป็นตำรวจนี่” จีจ้ารับรองเสียงใส

กริสน์ตกใจร้องเฮ้ย! ส่วนพิมมาดาถึงกับหัวเราะท้องคัด ท้องแข็ง บอกว่าถ้าหน้าตาแบบนี้เป็นตำรวจ ตนก็เป็นนายก- รัฐมนตรีได้แล้ว ทุกคนพากันหัวเราะไม่มีใครเชื่อจีจ้า

อ่านละครมือปราบพ่อลูกอ่อน ตอนที่ 2 วันที่ 16 ม.ค.55
โดย บทประพันธ์ สีชาติ จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย ศักดิ์ชาย เกียรติปัญญาโอกาส
ละครเรื่องมือปราบพ่อลูกอ่อน ติดตามชมได้ทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ



Widget by Forex Trading | Business

0 comments:

Post a Comment

 
Powered by Blogger | Printable Coupons