Thursday, January 19, 2012

หวั่นเก็บค่าต๋งสร้างความอ่อนแอแบงก์

วันนี้(19ม.ค.)นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยได้ออกแถลงการณ์ร่างพรก.ที่กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์นำส่งเงิน เข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพิ่มเติมแต่ไม่เกิน 1% ของยอดเงินฝาก เพื่อช่วยแก้ภาระหนี้ 1.14 ล้านล้านบาทนั้น ถือว่าไม่ยุติธรรม และเป็นผลเสียกับประเทศในระยะยาว เพราะปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝากในอัตรา 0.4% ซึ่งถือว่าสูงมากหากเทียบกับประเทศต่าง ๆ ในระบบเศรษฐกิจโลกและสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน ดังนั้นหากเรียกเก็บเพิ่มเติมจะเป็นการซ้ำเติมและสร้างความอ่อนแอให้กับ ธนาคารพาณิชย์ของไทยและทำให้เสียเปรียบสถาบันการเงินในต่างประเทศมากขึ้น และในอนาคตระบบการเงินในเอาเซียนมีการเปิดเสรีภายใต้กรอบเขตเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 58 จะเป็นภาระของสถาบันการเงินไทยไม่สามารถแข่งขันได้ในเวทีภูมิภาคและเวทีโลก

นอกจากนี้การแข่งขันระหวางธนาคารพาณิชย์กับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐจะมีความ เหลื่อมล้ำได้เปรียบเสียเปรียบกับมากขึ้นและเพิ่มความบิดเบือดในระบบ เพราะธนาคารเฉพาะกิจไม่ได้มีการนำเงินส่งกองทุนคุ้มครองเงินฝากทำให้ฐานเงิน ฝากของธนาคารเฉพาะกิจเพิ่มเร็วมากและมีการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นทั้งที่ไม่ ใช่ภารกิจหลักของตนเอง โดยความเหลื่อมล้ำและการบิดเบือนที่เพิ่มขึ้นสร้างความไม่เป็นธรรมบั่นทอน ทำลายแข่งขันในระบบ และทำให้สถาบันการเงินไทยไม่สามารรถสนับสนุนการพัฒนาประเทศได้อย่างเต็ม ศักยภาพ

“การทิ้งปัญหาหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ โดยไม่จัดการอย่างชัดเจน จะเป็นผลเสียต่อเสถียรภาพของระบบการเงินการคลังของประเทศ จึงอยากให้แก้ไขโดยเร็ว แต่ต้องทำด้วยความรอบคอบและเป็นธรรม โดยสมาคมฯพร้อมรับภาระกับภาคส่วนอื่นในการแก้ไขปัญหาหนี้”

รอมนีย์ยังนำชิงตัวแทนรีพับลิกัน

วันนี้ (19 ม.ค.) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า กระบวนการสรรหาตัวแทนพรรครีพับลิกัน เพื่อส่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2012 เข้าสู่สนามที่ 3 ในเขตรัฐเซาท์แคโรไลนา ซึ่งจะเป็นการหยั่งเสียงแบบไพรมารีในวันที่ 21 ม.ค. และผลโพลสำรวจล่าสุด เผยแพร่ในวันพุธ (18 ม.ค.) พบว่า นายมิตต์ รอมนีย์ วัย 64 ปี อดีตผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์ ที่เอาชนะคู่แข่งทุกคนได้ใน 2 สนามแรก ยังมีคะแนนนิยมนำหน้า ขณะที่นายนิวท์ กิงริช วัย 68 ปี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร คะแนนนิยมดีขึ้น ไล่จี้รอมนีย์ในเขตรัฐนี้
โพลสำรวจของ ซีเอ็นเอ็น/ไทม์/โออาร์ซี ระบุว่า คะแนนนิยมของรอมนีย์นำหน้ากิงริช อยู่ที่ 33 – 23 % ช่องว่าแคบลงจากนำห่าง 19 จุดเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว โดยอัตราส่วนผลิดพลาดของโพลชุดนี้ อยู่ที่บวกลบ 4.5 % ส่วนโพลระดับชาติของราสมุสเซ่น ชี้ว่า คะแนนนิยมของรอมนีย์ขณะนี้อยู่ที่ 30 % ส่วนกิงริช 27 % ส่วนอันดับ 3 นายริค แซนทอรั่ม อดีต ส.ส. และ ส.ว. จากรัฐเพนซิลเวเนีย อยู่ที่ 15 %
อย่างไรก็ตาม โพลระดับชาติยังพบอีกว่า 70 % ของผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันทั่วประเทศ เชื่อว่าท้ายที่สุดรอมนีย์จะชนะได้เป็นตัวแทนพรรค เข้าชิงเก้าอี้จากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งที่กำหนดมีขึ้นในวันที่ 6 พ.ย. และมีเพียง 13 % ที่เชื่อว่ากิงริชจะชนะได้เป็นตัวแทนพรรค
การหยั่งเสียงเบื้องต้นสนามแรก แบบคอคัสในเขตรัฐไอโอวาเมื่อวันที่ 3 ม.ค. รอมนีย์ได้เสียงสนับสนุน 25 % เฉือนแซนทอรั่มที่ได้ 24 % อย่างฉิวเฉียดแค่ 8 คะแนน ส่วนอันดับ 3 นายรอน พอล ส.ส.รัฐเท็กซัส ได้ 21.4 % และสนามที่ 2 แบบไพรมารีในเขตรัฐนิวแฮมเชียร์ รอมนีย์ชนะด้วยเสียงสนับสนุน 39 % อันดับ 2 รอน พอล ได้ 23 % และอันดับ 3 นายจอน ฮันท์สแมน อดีตผู้ว่าการรัฐยูทาห์ และอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศจีน ได้ 17 %.

ชุมพลลงพื้นที่ตรวจถนนข้าวสาร

เมื่อเวลา19.00น. วันนี้ ( 19ม.ค.) ที่ถนนข้าวสาร นายชุมพล ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพร้อมด้วย ดร.สุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงและนายสุพล ศรีพันธ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยวพร้อมคณะทำงาน ได้เดินทางไปรณรงค์สร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยจากเหตุการณ์ก่อการร้าย ให้กับผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวต่างชาติ สร้างความสนใจให้แก่บรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่สัญจรไป มาที่บริเวณถ.ดังกล่าว บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมีบรรดานักท่องเที่ยวจากชาติต่างๆเข้ามาดื่มกิน เป็นไปอย่างปกติ โดยคณะปลัดกระทรวงได้ทำการรณรงค์แจกแผ่นพับประชาสัมพันธ์การแจ้งเหตุร้ายกับ เจ้าหน้าที่ ตร.ท่องเที่ยว นานประมาณหนึ่งชั่วโมง

ภายหลังการรณรงค์เสร็จสิ้น นายชุมพล เปิดเผยว่า ทางคณะทำงานได้เดินทางมาสำรวจและรณรงค์สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว รวมทั้งผู้ประกอบการต่างๆ ภายหลังที่มีกระแสข่าวว่าถนนดังกล่าวเป็นสถานที่ที่ระบุในคำเตือนว่าจะมีการ ก่อการร้ายสร้างความหวั่นวิตกและขาดความเชื่อมั่น โดยวันนี้ตนและคณะทำงานได้เดินทางมารณรงค์ประชาสัมพันธ์แจกแผ่นพับอีกครั้ง พร้อมทำการประสานขอความร่วมมือกับ ตร.ท่องเที่ยวให้เพิ่มความถี่การตรวจตราเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ ประกอบการและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตามหลังจากมีข่าวออกมานั้นจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ได้ลดจำนวนลงแต่ ได้มีการเปลี่ยนสถานที่จากกทม.ไปต่างจังหวัด ในส่วนของการที่สถานเอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกาออกประกาศแจ้งเตือนมานั้น ทางรัฐบาลได้มีแนวทางขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ โดยทางสถานฑูตอเมริกาได้ให้เหตุผลชี้แจงมาว่าเหตุที่ต้องออกมาประกาศนั้น เพราะต้องการแจ้งเตือนพลเมืองสหรัฐที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น สำหรับการเดินรณรงค์ในวันนี้นับว่าสัมฤทธิ์ผลนักท่องเที่ยวต่างพึงพอใจและ ให้การตอบรับเป็นอย่างดี

นร.สุดช้ำกินนมบูดหามส่ง รพ.เกือบ 100 คน

วันนี้ (19 ม.ค.)ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากผู้ปกครองเด็กนักเรียนโรงเรียนเทศบาลปลายบาง วัดสุนทรธรรมิการามว่า มีเด็กนักเรียนดื่มนมของโรงเรียนที่แจกฟรีแล้วเกิดอาการท้องเสียอาเจียนเป็น เลือดถูกหามส่งรพ.บางใหญ่กว่า 70 คนจึงไปตรวจสอบพบผู้ปกครองจำนวนมากยืนจับกลุ่มวิพากวิจารณ์ด้วยความไม่พอใจ เนื่องจากมีเด็กนักเรียนยังนอนรักษาตัวอีก 10 คน แพทย์ต้องให้น้ำเกลือจากอาการขาดน้ำจนร่างกายอ่อนเพลีย ที่เหลือกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้

ด.ญ.ณัฎฐนิชา แซ่ตั้ง น้องนัท อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นป.6 เล่าให้ฟังอย่างอิดโรยว่า ช่วงเช้าหลังเคารพธงชาติ อาจารย์ประจำชั้นนำนมรสช็อกโกแลตมาแจกให้ดื่มก่อนเข้าห้องเรียนตามปกติ แต่วันนี้ขณะดื่มนมใกล้จะหมดรู้สึกว่านมก้นถุงมีรสเปรี้ยวแปลกๆแต่ก็ดื่มจน หมดเหมือนเพื่อนคนอื่น จนราว 10.00น. รู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรงพร้อมเพื่อนๆในห้องอีก 59 คน อาจารย์ประจำชั้นนำตนและเพื่อนๆส่งสถานีอนามัยชุมชนติดโรงเรียนเพื่อปฐม พยาบาลเบื้องต้น โดยให้ยามาทานหลังทานข้าวเสร็จแต่อาการรุนแรงขึ้นถึงขั้นอาเจียนเป็นเลือด และท้องเสียรุนแรง จนต้องนำส่งรพ.เป็นการด่วน

นายประสิทธิ์ อุทัยศรี อาจารย์สอนคณิตศาสตร์ กล่าวว่า เด็กนักเรียนป.4-6 มีอาการอาเจียนและท้องเสียอย่างรุนแรงหลังดื่มนม เบื้องต้นได้ติดต่อบริษัทเจ้าของนมให้ทราบเรื่องแล้ว ขณะที่นายธีระวัฎฐ ดวงแป้น ผู้จัดส่งนมให้โรงเรียน กล่าวว่า บริษัทจะรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ทั้งค่ารักษาพยาบาลและ อื่นๆ ยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากคุณภาพของนมหรือนมหมดอายุ เพราะจะหมดอายุวันที่ 30 ม.ค.ปี 55 แต่คาดว่าเกิดจากการขนส่งไปโรงเรียนที่อาจจัดส่งไม่ได้ตามอุณหภูมิที่กำหนด ทำให้นมเสียก่อนเวลา ทั้งนี้นมดังกล่าวไม่ได้เป็นนมโรงเรียนที่รัฐบาลแจกให้แต่เป็นนมที่ ทางบริษัททำมาแจกให้นักเรียนเองโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย.

ยิงถล่มศูนย์ข่าวเดลินิวส์ ตร.สั่งล่ามือปืน

เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 19 ม.ค. พ.ต.ท.ผดุงศักดิ์ ซื่อกำเนิด สวส.สภ.เมืองระยอง รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มศูนย์ข่าวเดลินิวส์ภาคตะวันออกเลข ที่ 960/5 ริมถนนสุขุมวิท ตำบลเชิงเนิน รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.มานะ อินพิทักษ์ ผกก. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและสายตรวจ ที่เกิดเหตุอยู่ตรงข้ามซอยสองพี่น้อง ที่บริเวณหน้าศูนย์ข่าวเดลินิวส์ พบรถกระบะนิสสัน สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บท-8837 ระยอง ของผู้สื่อข่าวจอดอยู่ โดยกระจกหลังโดนกระสุนปืนแตก 4 รู บนถนนหน้าศูนย์พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 1 ปลอก และปลอกกระสุนอาก้าอีก 16 ปลอก รวมทั้งหมด 17 ปลอกตกอยู่ริมถนนจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากนั้นเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในศูนย์ข่าวฯ พบว่ากระจกหน้าสำนักงาน หลอดไฟ โทรทัศน์ กระจกหน้าห้องหัวหน้าศูนย์ถูกกระสุนปืนเป็นรูพรุนทั่วบริเวณ ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องปรับอากาศ คอมพิวเตอร์ ถูกกระสุนปืนพังเสียหายยังเยิน กระจกแตกกระจายเกลื่อน ฝาพนังห้องเป็นรูพรุนเหมือนรังผึ้ง เจ้าหน้าที่จึงนำเชือกมากั้นพร้อมกับกันผู้ไม่เกี่ยวข้อง เข้าไปในที่เกิดเหตุ เนื่องจากเกรงจะไปทำลายหลักฐาน พร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบ

จากการสอบสวนนายกฤษณภาพ แตงเพชร์ อายุ 45 ปี ผู้สื่อข่าวประจำศูนย์ที่เข้าเวรวันเกิดเหตุให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนกำลังนอนหลับอยู่ในศูนย์ จากนั้นต้องสะดุ้งตกใจตื่น เมื่อได้ยินเหมือนเสียงประดังสนั่น พร้อมกับได้ยินเสียงน้ำยาเครื่องปรับอากาศในสำนักงานดัง และมีน้ำยาแอร์รั่วฟุ้งกระจาย ข้าวของเครื่องใช้ กระจกแตกพังเสียหาย ตนเลยรีบเปิดประตูด้านหลังออก เพื่อระบายอากาศ พอเดินออกไปหน้าศูนย์พบกระจกถูกกระสุนปืนเป็นรูพรุน เลยรีบโทรแจ้งตำรวจทราบดังกล่าว

จากนั้น พ.ต.อ.มานะได้เรียกเจ้าของร้านกวยเตี๋ยว ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามศูนย์มาสอบถามโดยพยานระบุว่า ขณะเกิดเหตุพยานกำลังเก็บร้าน ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนดังสนั่น พอหันไปดูเห็นรถยนต์จอดอยู่หน้าศูนย์แต่มองไม่เห็นคนร้าย พ.ต.อ.มานะจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่นำกล้องวงจรปิด บนถนนสุขุมวิทและบริเวณในที่เกิดเหตุและใกล้เคียงไปตรวจสอบ

ต่อมาเวลา 08.30 น. พ.ต.อ.เชษฐา โกมลวรรธนะ รอง ผบก.ภ.จว.ระยอง พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.ระยอง เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายขับรถกระบะอีซูซุ ดีแม็ก สีขาว ไม่ทราบทะเบียนขับมาจอดหน้าศูนย์ จากนั้นคนร้ายที่นั่งข้างคนขับได้ลดกระจกลง พร้อมกับใช้ปืนกราดยิงใส่รถกระบะของผู้สื่อข่าวที่จอดอยู่หน้าศูนย์อาคาร สำนักงาน ก่อนจะเร่งเครื่องหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายมีด้วยกัน 2 คน ขับรถมาจอดหน้าศูนย์ จากนั้นใช้ปืนขนาด 9 มม.ยิงใส่รถของผู้สื่อข่าวที่จอดอยู่หน้าศูนย์เป็นชุดแรก ต่อด้วยปืนอาก้ายิงถล่มสำนักงานเป็นชุดที่ 2 แต่โชคดีที่ผู้สื่อข่าวประจำศูนย์กำลังนอนหลับ เลยรอดคมกระสุนไปได้อย่างหวุดหวิด มีเพียงทรัพย์สินเสียหายเท่านั้น ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ต่อมา พล.ต.ต.โกศล พัวเวส รอง ผบช.ภ2 เดินทางมาดูที่เกิดเหตุพร้อมกับเปิดเผยว่า คดีนี้ถือว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์ และคนร้ายไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ตนสั่งให้ฝ่ายสืบสวนหาข้อมูลอย่างละเอียด พร้อมกับสอบสวนผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์ ว่าสาเหตุมาจากการเสนอข่าวหรือเป็นเรื่องส่วนตัว และสั่งเร่งจับกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะแม้กระทั่งสื่อมวลชนยังไม่เว้น
ด้านนายพัชรพล ปานรักษ์ รักษาการหัวหน้าศูนย์ข่าวเดลินิวส์ภาคตะวันออกเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตนได้สอบถามผู้สื่อข่าวและลูกน้องในศูนย์ทุกคน ต่างระบุตรงกันว่าไม่เคยมีเรื่องโกรธแค้นกับใคร ทำให้เชื่อว่าสาเหตุคนร้ายยิงถล่มศูนย์ครั้งนี้ น่ามาจากการเสนอข่าวเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้ผู้สูญเสียผลประโยชน์โกรธแค้น เลยส่งลูกน้องมายิงถล่มสำนักงานเพื่อขู่และสั่งสอน อย่างไรก็ตามเราจะเสนอข่าวเพื่อความถูกต้อง ตามสโลแกนของเรา “อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์” และเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ บ้านเมืองและประชาชนต่อไป

วันเดียวกันสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความสะเทือนใจแก่สื่อมวลชนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากคนที่ก่อเหตุได้กระทำการด้วยความอุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยมุ่งหวังให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นในกลุ่มสื่อมวลชน ทั้งในพื้นที่ส่วนภูมิภาคและส่วนกลาง ทางสมาคมฯขอประณามการกระทำของคนร้าย และผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง พร้อมกับเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ให้ความสนใจคดีการคุมคามสื่อครั้งนี้ โดยเร่งจับกุมคนร้ายมาลงโทษโดยเร็ว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน ที่มีหน้าที่รายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในสังคม รวมถึงให้มีมาตรการในการดูแลและสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สินทั้งของสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปด้วย

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเห็นว่า เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่สร้างความสะเทือนใจให้กับคนในวง การข่าวอย่างยิ่ง เพราะคนร้ายได้กระทำการอย่างอุกอาจ และเตรียมการมาเป็นอย่างดี โดยที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ขณะเดียวกันก็มุ่งข่มขวัญปิดปากสื่อมวลชน ที่จะทำหน้าที่รายงานข้อเท็จจริงในลักษณะเดียวกันนี้ด้วย

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอประณามการกระทำของคนร้ายและผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง ขณะเดียวกันขอเรียกร้องต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการผู้บัญชาตำรวจภูธรภาค 2 ให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว ไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปอีกเหมือนคดีอื่นๆที่ผ่านมา เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน รวมทั้งขอให้แถลงผลความคืบหน้าคดีต่อสาธารณชนทราบโดยเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ประชาชนและสังคมไทย.

ฮือฮาพบงูจงอางนอนขดในโพรงเก็บทรัพย์สิน

เมื่อวันนี้( 19 ม.ค.) นายทศพล แซ่ฟุ้ง เจ้าหน้าที่สื่อสารหน่วยกู้ชีพ – กู้ภัย อ.เบตง จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากนายหย่องเฮง แซ่ย่อง อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 6 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา ว่าพบงูจงอาง อยู่ในโพรงดินในบ้านซึ่งบ้านดังกล่าวอยู่ในสวนยางพาราจึงขอให้ชุดกู้ภัย อำเภอเบตงช่วยจับงูจงอางที่นอนขดอยู่ในโพรง หลังรับแจ้งจึงได้นำเจ้าหน้าที่รุดไปยังที่บ้าน พบงูจงอางขนาดใหญ่นอนนิ่งอยู่ในโพรงดินในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้พยายามใช้เชือกเพื่อที่จะคล้องคอ แต่งูไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่จับ กลับยกลำตัวแผ่แม่เบี้ยขู่ตลอดเวลา ทำให้เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 1 ชม.จึงสามารถจับงูจงอางได้ สำหรับงูจงอางตัวดังกล่าวมีความยาว 3.80 เมตร ลำตัวมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 เซนติเมตร น้ำหนักว่า 8 ก.ก.

นายหย่องเฮง แซ่ย่อง เล่าว่า ที่บ้านของตนอยู่ในสวนยางพาราและกลัวพวกมิจฉาชีพจะเข้ามาเอาของมีค่าจึงได้ ขุดดินเป็นโพรงเพื่อเก็บทรัพย์ต่อมาในวันเกิดเหตุตนได้เข้าไปเอาทรัพย์สิน ปรากฏว่าพบงูจงอางขนาดใหญ่นอนขดอยู่ในโพรงดินจึงได้รีบออกมาโทรศัพท์แจ้ง หน่วยกู้ภัยอำเภอเบตงมาช่วยจับงูดังกล่าว เนื่องจากตนเกรงว่างูจะเลื้อยออกไปทำอันตรายชาวบ้านใกล้เคียงและคนในบ้านของ ตนจึงได้แจ้งชุดกู้ภัยอำเภอเบตงมาจับตัวเพื่อนำไปปล่อยในป่าลึกต่อไป

"ป๋าเปรม"-"ปู"ร่วมงาน 420 ปีกองทัพบก

ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต เวลา 18.00น. วันนี้(19 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในการจัดงานเลี้ยงรับรองเนื่องในวันกองทัพบก ครบรอบ 420 ปี ประจำปี 2555 โดยได้เรียนเชิญบุคคลสำคัญมาร่วมงาน อาทิ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งสวมชุดราตรียาวสีเขียว พล.อ. ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย ผบ.เหล่าทัพผู้้บังคับบัญชาระดับสูง ตลอดจนข้าราชการกองทัพบก ประธานศาลฎีกา ประธานรัฐสภา องค์กรด้านนิติบัญญัติ และ ตุลาการ, อดีตผู้บังคับบัญชาของกองทัพบก, คณะรัฐมนตรี, ผู้บัญชาการเหล่าทัพ, ผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย โดยได้มีการนำม้าจำนวน12ม้าจากกองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ (ม.พัน 29 รอ.) มาเข้าแถวต้อนรับผู้ที่มาร่วมพิธี

ผู้สื่อข่าวรายว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า การพบกันระหว่างน.ส.ยิ่งลักษณ์กับพล.อ.เปรม ครั้งนี้เป็นการพบกันครั้งแรกภายหลังจากที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง นายรัฐมนตรี โดยส.ยิ่งลักษณ์ได้ไหว้พล.อ.เปรม และพล.อ.เปรม รับไหว้ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มก่อนที่จะมีการทักทายกันตามปกติประมาณ 2-3 นาที จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินเคียงคู่กับพล.อ.เปรม นำผบ.เหล่าทัพ อดีตผู้บังคับบัญชา และผู้มีเกียรติที่ร่วมงานทั้งหมดขึ้นไปยังห้องมัฆวานรังสรรค์เพื่อร่วมพิธี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามกำหนดการพล.อ.เปรม จะเป็นประธานในการกล่าวนำเชิญชวนดื่มถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จะกล่าวเนื่องในวันกองทัพบก และนายกรัฐมนตรี จะกล่าวสุนทรพจน์แสดงความยินดี และเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยงรับรองเนื่องในวันกองทัพบกประจำ ปี2555 ทั้งนี้ภายในงานมีการบรรเลงเพลงจากวงออเครสต้าของกองดุริยางค์ทหารบก ซึ่งเป็นบทเพลงที่มีความหมายแสดงให้เห็นถึงความรัก ความหวงแหนในแผ่นดิน และความเป็นหนึ่งเดียวของคนไทยทุกคน ที่พร้อมจะปกป้องแผ่นดินไทยไว้ด้วยชีวิต โดยทางกองทัพบกได้มอบนาฬิกาตั้งโต๊ะของกองทัพบกบรรจุอยู่ในผ้าแพรสีทองให้ เป็นที่ระลึกกับผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจัดงานทางกองทัพบกได้จัดโต๊ะรูปตัวยูไว้ด้านหน้าเวทีพร้อมจัด เก้าอี้ให้แขกวีไอพีได้นั่ง โดยได้เตรียมให้ นายกฯนั่งอยู่ข้าง พล.อ.เปรม เหมือนเช่นที่ทำมาทุกปี สำหรับอาหารในงาน ทบ.ได้จัดดินเนอร์แบบค็อกเทล รวมถึงสั่งอาหารเจากโรงแรมอิมพีเรียลควีนปาร์ค พร้อมการออกร้านด้วยอาหารญี่ปุ่น ,ปิ้งย่าง,อบ, ข้าวต้มปลากะพง, ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ฯลฯ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวเนื่องในวันกองทัพบกภายในงานเลี้ยงรับรองวันกองทัพบกว่า วันกองทัพบกเป็นวันที่มีความสำคัญที่ได้รำลึกถึงวีรกรรมเมื่อครั้งสมเด็จพระ นเรศวรมหาราชทรงนำทัพกอบกู้เอกราชและอธิปไตยของชาติให้อยู่คู่แผ่นดินไทย เป็นสิ่งย้ำเตือนให้ทหารทุกนายตระหนักถึงหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะทหารของ ชาติและองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พร้อมสืบปณิธานของบรรพบุรุษในการ ปกประเทศชาติและรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์และประโยชน์สุขของประชาชน งานกองทัพบกไม่ได้จำกัดแค่ความมั่นคงแต่ยังมีการพัฒนาในด้านอื่น เช่น โครงการพระราชดำริ การช่วยเหลือประชาชนปกป้องตัดไม้ทำลายป่า ทั้งนี้จากสถานการณ์อุทกภัยกองทัพบกได้ทุ่มเทกำลังที่มีอยู่ร่วมกับภาครัฐ และเอกชนปฏิบัติในกรอบของรัฐบาลอย่างเต็มความสามารถแม้เผชิญความยากลำบากแต่ เป็นภาระหน้าที่ที่มีเกียรติด้วยระลึกอยู่เสมอว่าความมั่นคงและสงบเรียบร้อย เป็นปัจจัยที่สำคัญที่เสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าและความเป็นปึกแผ่นของ ประเทศชาติ

"นอกจากนี้กองทัพบกยังมุ่งพัฒนากองทัพให้มีความพร้อมรบ พัฒนาปรับปรุงยุทโธปกรณ์ให้ทันสมัยและให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างคุณภาพ ชีวิตกำลังพล เพื่อสร้างความรักความสามัคคีให้เกิดแก่ประเทศชาติ ทั้งยังให้ความสำคัญสูงสุดต่อการทำงานตามรอยพระยุคลบาทด้วยความเข้มแข็ง เสียสละอดทน พร้อมเป็นกองทัพที่มีเกียรติศักดิ์ศรีเป็นที่ยอมรับและศรัทธาเป็นที่พึ่งของ ประชาชน ตลอดจนสามารถสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาลในการบริหารประเทศได้อย่างมี ประสิทธิภาพ โดยกำลังพลของกองทัพบกทุกนายจะก้าวไปสู่ความเป็นทหารอาชีพเพื่อสร้างสรรค์ และพัฒนาประเทศให้มีความก้าวหน้าเป็นปึกแผ่นมั่นคงสืบไป และสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือการปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย ความจงรักภักดียิ่งชีพ"ผบ.ทบ.กล่าว

 
Powered by Blogger | Printable Coupons