วันนี้(19ม.ค.)นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยได้ออกแถลงการณ์ร่างพรก.ที่กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์นำส่งเงิน เข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพิ่มเติมแต่ไม่เกิน 1% ของยอดเงินฝาก เพื่อช่วยแก้ภาระหนี้ 1.14 ล้านล้านบาทนั้น ถือว่าไม่ยุติธรรม และเป็นผลเสียกับประเทศในระยะยาว เพราะปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝากในอัตรา 0.4% ซึ่งถือว่าสูงมากหากเทียบกับประเทศต่าง ๆ ในระบบเศรษฐกิจโลกและสูงสุดในภูมิภาคอาเซียน ดังนั้นหากเรียกเก็บเพิ่มเติมจะเป็นการซ้ำเติมและสร้างความอ่อนแอให้กับ ธนาคารพาณิชย์ของไทยและทำให้เสียเปรียบสถาบันการเงินในต่างประเทศมากขึ้น และในอนาคตระบบการเงินในเอาเซียนมีการเปิดเสรีภายใต้กรอบเขตเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 58 จะเป็นภาระของสถาบันการเงินไทยไม่สามารถแข่งขันได้ในเวทีภูมิภาคและเวทีโลก
นอกจากนี้การแข่งขันระหวางธนาคารพาณิชย์กับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐจะมีความ เหลื่อมล้ำได้เปรียบเสียเปรียบกับมากขึ้นและเพิ่มความบิดเบือดในระบบ เพราะธนาคารเฉพาะกิจไม่ได้มีการนำเงินส่งกองทุนคุ้มครองเงินฝากทำให้ฐานเงิน ฝากของธนาคารเฉพาะกิจเพิ่มเร็วมากและมีการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นทั้งที่ไม่ ใช่ภารกิจหลักของตนเอง โดยความเหลื่อมล้ำและการบิดเบือนที่เพิ่มขึ้นสร้างความไม่เป็นธรรมบั่นทอน ทำลายแข่งขันในระบบ และทำให้สถาบันการเงินไทยไม่สามารรถสนับสนุนการพัฒนาประเทศได้อย่างเต็ม ศักยภาพ
“การทิ้งปัญหาหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ โดยไม่จัดการอย่างชัดเจน จะเป็นผลเสียต่อเสถียรภาพของระบบการเงินการคลังของประเทศ จึงอยากให้แก้ไขโดยเร็ว แต่ต้องทำด้วยความรอบคอบและเป็นธรรม โดยสมาคมฯพร้อมรับภาระกับภาคส่วนอื่นในการแก้ไขปัญหาหนี้”
0 comments:
Post a Comment