Sunday, January 15, 2012

ยอมรับความจริง


คล้ายกับว่าชาติตะวันตกส่วนใหญ่ รวมถึงอิสราเอลจะไม่ค่อยเชื่อระบบป้องกันภัยก่อการร้ายของรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่าใดนัก

สะท้อนจากกรณีสหรัฐฯออกแถลงการณ์เตือนประชาชนของตัวเองให้ระวังการก่อเหตุของกลุ่มก่อการร้ายฮิซบอลเลาะห์

ทางคุณเฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับงานตำรวจได้แก้เกมโดยแถลงทันทีว่า สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยชาวเลบานอนได้ 1 คนแล้ว ตลอดจนคุณอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกรัฐบาลช่วยแถลงอีกทางว่า รัฐบาลไทยประสบความสำเร็จในการรักษาความสงบเรียบร้อยในวันปีใหม่ ซึ่งก่อนหน้านั้นมีการลอบวางระเบิดที่หน้ากองสลากฯ จึงเชื่อว่าจะป้องกันการก่อการร้ายของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้

แต่แทนที่ใครต่อใครจะเชื่อในถ้อยแถลง ปรากฏว่า สถานทูตอีก 13 ชาติ พากันก็ออกคำเตือนเหมือนกับสหรัฐฯ อันเป็นการแสดงท่าทีที่สวนทางกับถ้อยแถลงของรัฐบาลทันที

หนังสือพิมพ์ของอิสราเอลระบุว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ลักลอบเข้าประเทศไทยมาในครั้งนี้ มีเป้าหมายจะลงมือก่อการร้ายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ โดยมีประชาชนชาวอิสราเอลเป็นเป้าหมาย

เหตุที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กำหนดวันแก้แค้นเป็นวันที่ 12 กุมภาพันธ์ นั้น มีความเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์การเสียชีวิตของแกนนำคนสำคัญที่เชื่อว่า หน่วยข่าวกรองอิสราเอล (มอสสาด) เป็นผู้ลงมือในวันดังกล่าว

จึงต้องการเข้ามาคิดบัญชี

ในแง่มุมของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาติตะวันตกและอิสราเอล ต้องระมัดระวังอย่างหนัก เพราะประเทศไทยไม่ได้ฝึกขีดความสามารถไว้สำหรับรับมือกลุ่มก่อการร้ายสากล โดยดูจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเช่น

การยึดสถานทูตอิสราเอลโดยกลุ่มกันยายนทมิฬในปี 2515 เดือนกันยายน รัฐบาลไทยแก้ไขสถานการณ์โดยพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้อาสาเข้าไปเจรจาและสามารถเกลี้ยกล่อม จนกลุ่มกันยายนทมิฬยอมปล่อยตัวนักการทูตที่เป็นตัวประกันทั้ง 6 คน

ต่อมาในปี 2531 เดือนเมษายน กลุ่มฮิซบอลเลาะห์เข้ายึดเครื่องบินสายการบินคูเวต ที่ดอนเมือง แล้วบังคับให้บินไปลงที่อิหร่าน เพื่อขอแลกตัวประกันกับนักโทษที่คูเวตคุมขังไว้

และเหตุที่น่าสยองขวัญมากที่สุดก็คือ เหตุคาร์บอมบ์ในปี 2537 เดือนมีนาคม กลุ่มก่อการร้ายได้เช่ารถบรรทุก 6 ล้อ เพื่อนำมาบรรทุกระเบิด Ammonium Nitrate Fuel Oil (ANFO) ซึ่งประกอบขึ้นจากปุ๋ยแอมโมเนียไนเตรท ผสมกับน้ำมันโซล่าร์ บรรจุลงในถังเหล็ก พร้อมกับใช้ระเบิดซีโฟร์หรือระเบิดชนิดอื่นเป็นตัวจุดระเบิด

บังเอิญรถบรรทุกคันดังกล่าวไปชนเข้ากับรถมอเตอร์ไซด์แยกชิดลม คนร้ายซึ่งเป็นชาวอาหรับที่อยู่ในอาการตกใจ ได้รีบยื่นเงินค่าเสียหายให้กับเจ้าของรถมอเตอร์ไซด์ ก่อนจะทิ้งรถบรรทุกแล้วขึ้นรถแท็กซี่หลบหนีไป

พอตำรวจมาที่เกิดเหตุ เห็นรถบรรทุกจอดขวาง ก็ลากเอาไปเก็บไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี โดยไม่ได้เฉลียวใจว่า บนรถจะมีระเบิดอานุภาพร้ายแรง

จนกระทั่งเจ้าของรถบรรทุกได้มาติดตามขอคืนและเข้าตรวจสอบถึงทราบว่าบนรถมีระเบิดร้ายแรงซึ่งคนร้ายกำลังมุ่งตรงไปถล่มสถานทูตอิสราเอลซึ่งอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้น

จากเหตุการณ์ข้างต้น พอจะสรุปได้ว่า ประเทศไทยยังไร้เดียงสากับเรื่องการก่อการร้ายอยู่มาก จึงเป็นธรรมดาที่ต่างชาติไม่ค่อยเชื่อว่าจะป้องกันได้

ในแง่มุมของคนไทย แม้จะไม่ใช่ศัตรูหรือเป้าหมายของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ แต่ก็ต้องระวังตัวเพราะอาจถูกลูกหลงจากการก่อเหตุร้าย โดยเฉพาะการใช้ระเบิดแรงสูงที่มีรัศมีทำลายตั้งแต่ 1-7 กิโลเมตร

รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ควรจะยอมรับความจริงและประกาศความจริงนั้นให้ประชาชนรับทราบ อย่าแสดงความมั่นใจเหมือนตอนรับมือน้ำท่วม เพราะเกิดอะไรขึ้นมาแล้ว คราวนี้คงไม่ได้รับการอภัยจากประชาชนแน่ ๆ.



Widget by Forex Trading | Business

0 comments:

Post a Comment

 
Powered by Blogger | Printable Coupons